Food for Thought

ฟีเจอร์ 20 ข้อที่ระบบจองโต๊ะและจัดการร้านอาหารยุคใหม่ต้องมี

อินเตอร์เฟซของระบบจองโต๊ะร้านอาหารที่ทันสมัยพร้อมฟีเจอร์การจัดการลูกค้า

การเลือกระบบจองโต๊ะและจัดการร้านอาหารที่ใช่ในปี 2025 ขึ้นไป มีผลโดยตรงกับรายได้และการบริหารร้าน ฟีเจอร์ที่ครบเครื่องจะช่วยลดงานหน้าร้าน เพิ่มยอดจอง สร้างฐานลูกค้าขาประจำ และขยายธุรกิจได้เร็วขึ้น

นี่คือ 20 ฟีเจอร์ที่ระบบ TMS ยุคใหม่ควรมี พร้อมเหตุผลว่าทำไมร้านของคุณถึงควรใช้

1. ระบบจองผ่านหลายช่องทาง (Multi-Channel Reservation Integration)

ข้อดี: ดึงลูกค้าได้ทุกช่องทาง เพิ่มยอดจองทันที

รับจองจากเว็บไซต์ Instagram Facebook WhatsApp LINE Messenger WeChat (จีน) และ Zalo (เวียดนาม) ได้ในที่เดียว ไม่พลาดลูกค้าจากทุกแพลตฟอร์ม

2. การจัดการโต๊ะแบบไดนามิก (Dynamic Table Management)

ข้อดี: ใช้พื้นที่ร้านได้คุ้มสุด เพิ่มโต๊ะได้ตามสถานการณ์

จัดผังโต๊ะสด ๆ รวม/แยกโต๊ะตามจำนวนแขก ปรับแปลนได้ในไม่กี่วินาที

3. ระบบแผนผังหลายรูปแบบ (Multi-Floor Plan Management)

ข้อดี: รองรับวันพิเศษ ดันยอดขายสูงสุด

ตั้งผังเฉพาะกิจ เช่น วาเลนไทน์ แยกโต๊ะใหญ่เป็นโต๊ะ 2 ที่นั่งได้สบายๆ

4. ระบบรอคิวจองโต๊ะ (Waitlist Management)

ข้อดี: ไม่เสียลูกค้าแม้ร้านเต็ม

ให้ลูกค้ากดจองคิวเอง แจ้งเตือนทันทีที่มีโต๊ะว่าง เติมที่นั่งได้แม้ช่วงพีค

5. ระบบจัดการคิว walk-in (Queuing System)

ข้อดี: คุมคิวมืออาชีพ ลดความวุ่นวายหน้าร้าน

ลูกค้า walk-in จองคิวผ่านมือถือ รอเรียกแบบสบายใจ ไม่ต้องแออัดหน้าร้าน

6. การยืนยันบัตรเครดิต & ป้องกัน No-Show

ข้อดี: กัน no-show และเก็บรายได้เต็มๆ

มัดจำหรือล็อกบัตรเครดิต ช่วยให้ลูกค้ามาตามนัดจริง ไม่ต้องเสียโต๊ะฟรีๆ

7. CRM และแท็กลูกค้าอัจฉริยะ (Smart Tagging)

ข้อดี: บริการตรงใจลูกค้าได้มากขึ้น

เก็บข้อมูลสำคัญ เช่น อาหารที่แพ้ วันเกิด ความชอบ เพื่อการบริการที่เหนือชั้น

8. แชร์ข้อมูลลูกค้าข้ามสาขา (Cross-Venue Guest Data)

ข้อดี: รู้จักลูกค้าประจำ ไม่ว่ามากี่สาขา

สร้างประสบการณ์ VIP ได้ทุกที่ เพิ่มความภักดีในเครือร้าน

9. ยืนยันการจองและส่งเตือนอัตโนมัติ (Auto Confirmation)

ข้อดี: ลด no-show ลดภาระพนักงาน

ส่งยืนยันนัด แจ้งเตือนคิวล่วงหน้าอัตโนมัติ ไม่ต้องโทรตามเอง

10. จำกัดแขกแต่ละรอบ (Guest Pacing)

ข้อดี: คุมความหนาแน่นลูกค้า ป้องกันงานหน้าบ้านพัง

ตั้งจำนวนแขกต่อช่วงเวลาให้เหมาะกับครัวและ FOH

11. จัดเวลานั่งตามขนาดโต๊ะ (Smart Seating Time)

ข้อดี: หมุนโต๊ะไวขึ้น รายได้ต่อรอบสูงขึ้น

ตั้งเวลานั่งต่างกันตามจำนวนแขก เช่น 90 นาทีสำหรับ 2 คน 120 นาทีสำหรับ 4 คนขึ้นไป

12. ข้อมูลลูกค้าเป็นของร้าน 100%

ข้อดี: เก็บฐานข้อมูลลูกค้าไว้ต่อยอดเอง

ชื่อ เบอร์ อีเมล ประวัติการจอง เป็นทรัพย์สินของร้านคุณ ไม่ใช่ของคนกลาง

13. ระบบเสียค่าบริการคงที่ + เสริมแคมเปญจ่ายเพิ่มได้

ข้อดี: คุมต้นทุนได้ กำไรมากขึ้น

ใช้ TMS แบบเสียรายเดือนคงที่ และเลือกลงโฆษณากับ OpenRice, Chope, Hungry Hub, FunNow เมื่ออยากดันยอดจอง

14. รายงานสถิติ (Analytics)

ข้อดี: รู้ข้อมูลจริง ตัดสินใจแม่นยำ

เช็กแหล่งจอง ยอด no-show และพฤติกรรมลูกค้าได้ทันที

15. เชื่อมระบบการตลาด (Mailchimp, Brevo, Sendgrid)

ข้อดี: ส่งแคมเปญได้เร็ว ยิงตรงกลุ่มเป้า

ดึงข้อมูลลูกค้าเข้า EDM ได้ทันที ไม่ต้องคัดลอกเอง

16. มี API รองรับการต่อยอด

ข้อดี: เปิดทางเชื่อมระบบใหม่ๆ ในอนาคต

จะทำแอป, ระบบสะสมแต้ม หรือ CRM เชื่อมได้หมดด้วย API

17. อินเตอร์เฟซใช้งานง่าย มือใหม่เรียนรู้ไว

ข้อดี: ลดเวลาสอนงาน ลดข้อผิดพลาด

อินเตอร์เฟซดูง่าย ทำงานไว มือใหม่ใช้เป็นได้ในวันเดียว

18. รองรับจองพร้อมจ่ายล่วงหน้า & โปรโมชัน

ข้อดี: เพิ่มเงินหมุนเวียนร้านทันใจ

รับจ่ายล่วงหน้า มัดจำ หรือใส่โปรโมชันได้ในขั้นตอนจอง

19. บริหารรีวิวลูกค้าอย่างฉลาด

ข้อดี: เสริมแบรนด์ สร้างชื่อเสียงออนไลน์

ส่งรีวิวอัตโนมัติจากลูกค้าที่พึงพอใจ เพิ่มคะแนนร้านบน Google, Facebook

20. AI ตอบแชท + ระบบรับสายอัตโนมัติ (IVR)

ข้อดี: ไม่พลาดการจอง และลดภาระหน้าร้าน

ใช้ AI ช่วยตอบคำถามยอดฮิต เช่น เมนู ค่าคอร์เคจ ตัวเลือกมังสวิรัติ และ IVR รับสายช่วงพีค


สรุป

ร้านอาหารยุคใหม่ ต้องใช้ระบบจองที่ช่วยเพิ่มรายได้ ลดงานหน้าร้าน และบริการลูกค้าได้เหนือกว่า

หากระบบของคุณมีฟีเจอร์เหล่านี้ครบ คุณจะสามารถ:

  • เพิ่มยอดขายต่อโต๊ะ เพิ่มอัตราการใช้โต๊ะ
  • ลดภาระงานซ้ำซ้อนให้พนักงาน
  • เสริมแคมเปญการตลาดและเพิ่มลูกค้าประจำ
  • สร้างประสบการณ์ที่ทำให้ลูกค้ากลับมาอีก

อยากรู้ว่า Bistrochat ทำได้ครบขนาดไหน?

จองเดโมฟรี 1 ชั่วโมง แล้วเริ่มเพิ่มยอดจองร้านคุณตั้งแต่วันนี้!

แชร์บทความนี้

บทความที่เกี่ยวข้อง

แผนที่สหรัฐฯ แบบอินโฟกราฟิก แสดงแพลตฟอร์มจองยอดนิยมตามภูมิภาค

ข้อมูลตลาด Restaurant Reservation Systems ในสหรัฐอเมริกา

เจาะลึกแบบจัดเต็มข้อมูลว่า OpenTable, Yelp Guest Manager, Resy, Tock, SevenRooms, Toast, Wisely/Olo และผู้ให้บริการรายย่อยอีกหลายสิบราย พลิกโฉมวงการการจองร้านอาหารในสหรัฐฯ หลังยุคโควิด-19 ไปอย่างไร—และดีลที่ DoorDash เข้าซื้อ SevenRooms ในปี 2025 นั้นส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกเทคของผู้ประกอบการในวันนี้อย่างไร

แผนที่สหรัฐอเมริกาแบบกราฟิก แสดงแพลตฟอร์มการจองที่ครองตลาดในแต่ละภูมิภาค

ข้อมูลตลาดระบบจองร้านอาหารในสหรัฐอเมริกา

เจาะลึกข้อมูลแน่นๆ ว่า OpenTable, Yelp Guest Manager, Resy, Tock, SevenRooms, Toast, Wisely/Olo และผู้ให้บริการรายย่อยอีกหลายสิบรายเข้ามาพลิกโฉมวงการการจองร้านอาหารในสหรัฐฯ หลังยุคโควิด-19 อย่างไร—และดีลที่ DoorDash จะเข้าซื้อ SevenRooms ในปี 2025 นั้นมีความหมายต่อผู้ประกอบการร้านอาหารที่กำลังตัดสินใจเลือกใช้เทคโนโลยีในวันนี้อย่างไร

แผนที่สหรัฐอเมริกาในรูปแบบอินโฟกราฟิก แสดงแพลตฟอร์มการจองหลักที่นิยมใช้ในแต่ละภูมิภาค

ข้อมูลตลาดระบบจองร้านอาหารในสหรัฐอเมริกา

เจาะลึกข้อมูลเน้นๆ ว่า OpenTable, Yelp Guest Manager, Resy, Tock, SevenRooms, Toast, Wisely/Olo, และผู้ให้บริการรายย่อยอีกเพียบ เข้ามาเปลี่ยนโฉมหน้าวงการจองร้านอาหารในสหรัฐฯ หลังยุคโควิด-19 ไปอย่างไร—และดีลที่ DoorDash จะเข้าซื้อ SevenRooms ในปี 2025 (พ.ศ. 2568) มีความหมายอย่างไรต่อเจ้าของร้านที่กำลังมองหาเทคโนโลยีมาเสริมทัพให้ร้านในวันนี้

พร้อมที่จะปฏิวัติการจัดการร้านอาหารของคุณแล้วหรือยัง?

Bistrochat ระบบจัดการร้านอาหารครบวงจร ช่วยให้คุณจัดการการจองได้ง่ายขึ้น เพิ่มประสบการณ์ลูกค้า และขยายธุรกิจของคุณ